ความรุ่งเรืองจีน

อักษรจีน จีนมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลและมีภาษา

ถิ่นจำนวนมากที่แตกต่างกันตามกลุ่มประชากร 

ทำให้ไม่อาจติดต่อสื่อสารกันได้ และเป็นอุปสรรค

ต่อการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง โดยเฉพาะใน

สมัยโบราณ จีนปกครองในระบบนครรัฐซึ่งมี

ประมาณ 1800 แห่ง การประดิษฐ์อักษรจีนนับ

เป็นภูมิปัญญาที่ยิ่งใหญ่ เพราะส่งเสริมให้เกิด

เอกภาพในสังคมจีน อักษรจีนเป็นอักษรภาพ ไม่มี

พยัญชนะ อักษรแต่ละตัวมีความหมายชัดเจน ดัง

นั้น ชาวจีนที่พูดภาษาต่างกันก็สามารถสื่อสารตรง

กันได้ด้วยตัวอักษรภาพ อักษรจีนเป็นจุดเริ่มต้น

ของการพัฒนาความเจริญอื่นๆ จำนวนมาก เช่น 

การรวมศูนย์อำนาจปกครอง การติดต่อค้าขาย การ

ศึกษา ปรัชญา การบันทึกประวัติศาสตร์ การทำ

กระดาษ ฯลฯ
          การปรากฎของอักษรจีนที่เก่าแก่

ที่สุดนั้น ค้นพบที่เมืองซีอาน มณฑลส่านซี ทาง

ตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เมื่อประมาณ 5,000 

ปี มาแล้ว โดยอยู่ในรูปของอักษรภาพที่แกะสลัก

เป็นวงกลม พระจันทร์เสี้ยว และ ภูเขาห้ายอด 

บนเครื่องปั้นดินเผา จวบจนเมื่อ 3,000 ปี ก็ได้

เปลี่ยนรูปแบบเป็น อักษรที่จารึกบนกระดูกสัตว์

นั่นเอง ซึ่งเป็นยุคต้นศิลปะการเขียนของจีน

หากเรียงลำดับวิวัฒนาการจะได้ดังนี้

·       อักษรจารึกบนกระดูกสัตว์เจี๋ยกู่เห

วิน เป็นอักษรโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในจีน ตั้งแต่มี

การค้นพบมา โดยอยู่ในรูปแบบ ของการทำนาย 

ที่ใช้มีดแกะสลักลงบนกระดูกของเต่า

·       อักษรโลหะ หรือ จินเหวิน เป็นอักษร

ที่เกิดในราชวงศ์ชาง-ราชวงศ์โจว มีลักษณะพิเศษ

คือ ลายเส้นจะมีความหนาและชัดเจนมากเพราะได้

จากากรหลอมของโลหะ ไม่ใช่การแกะสลัก


·       อักษรจ้วนเล็ก จากสมัยชุนชินจั้นกว๋อ 

จนถึงราชวงศ์ฉินอักษรจีนได้คงรูปแบบเดิมไว้อยู่

จากราชวงศ์โจวตะวันตก ภายหลังหลังจากจิ๋นซี

ฮ่องเต้รวบรวมแผ่นดินจีนเข้าด้วยกัน ในปี 


ค.ศ.221 แล้วก็ได้เกิดการปฎิรูปตัวอักษรจีนครั้ง

ใหญ่ อักษรที่ผ่านการปฎิรูปนี้ ได้ใช้กันทั่วประเทศ

จีนเป็นครั้งแรกเรียกว่า อักษร จ้วนเล็ก
·       อักษรลี่ซู ขณะ ที่ราชวงศ์ฉินมีการ

ประกาศใช้อักษร จ้วนเล็กแล้ว ก็ได้มีการให้ใช้

อักษรลี่ซูควบคู่กันไป โดยอักษรลี่ซู พัฒนามาจาก

 อักษรจ้วนเล็กอย่างง่าย อักษรลี่ซูทำให้อักษร
จีน 


ก้าวเข้าสู่อักษรสัญลักษณ์ อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง

ไม่ใช่อักษรภาพเหมือนยุคแรก
·       อักษรข่ายซู เป็นอักษรที่ใช้กันแพร่

หลายจนถึงปัจจุบัน เป็นเส้นลักษณะที่เกิดขึ้นภาย

ใต้กรอบสี่เหลี่ยม หลุดพ้นจากอักษรภาพ ยุค

โบราณอย่างสิ้นเชิง
·       อักษรเฉ่าซู เกิดจากการที่นำลายเส้นที่

มีอยู่แต่เดิม มาย่อเหลือเพีงขีดเดียว โดยฉีกรูป

แบบที่จำเจของอักษรภายใต้กรอบสี่เหลี่ยมที่มีแต่

เดิมออกไป 
·       อักษรสิงซู มีรูปแบบระหว่าง ข่ายซู 

กับ เฉ่าซู ผสมกัน หรือ อาจกล่าวได้ว่าเป็นอักษร

ที่เขียนตวัด อย่างบรรจง กำหนดขึ้นใน ปลาย

ราชวงศ์ฮั่น ทางตะวันออก
     
    ความก้าวหน้าด้านดาราศาสตร์ ชาวจีน

โบราณในสมัยราชวงศ์ซางได้คิดทำปฏิทินแบบ

จันทรคติเมื่อ3000 กว่าปีมาแล้ว โดยการสังเกต

ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูผลิ ฤดูเก็บเกี่ยว และฤดูหนาว 

ซึ่งผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นวัฏจักร แต่ละรอบนับ

เป็น ปี มี 365 วันซึ่งยังคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง 

ต่อมาในสมัยราชวงศ์ฮั่น เมื่อ 444 ปีก่อนคริสต์

ศักราช สามารถคำนวณได้ว่า ปี มี 365 

¼ วัน นอกจากนี้ยังพบจุดดับบนดวงอาทิตย์เมื่อ

ประมาณ 2000ปีกมาแล้ว รวมทั้งยังประดิษฐ์

กล้องดูดาวได้ตั้งแต่ต้นคริสต์ศักราช นับว่าจีนมี

ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ไม่

น้อยกว่าชนชาติอารยะอื่นๆ ที่ร่วมสมัยกัน


    ปรัชญา ปรัชญาจีนไม่ได้พัฒนาจากความ

เชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย แต่เป็นการค้นหา

หลักธรรมเพื่อการดำรงชีวิตในโลกปัจจุบัน ก่อนที่

จักรวรรดิจิ๋น (ฉิน) หรือจิ๋นซีฮ่องเต้จะสถาปนา

อำนาจเมื่อปี 221 ก่อนคริสต์ศักราช จีนมีนครรัฐ

ที่ต่างเป็นอิสระอยู่มมาก บ้านเมืองจึงเกิดสงคราม

แย่งชิงอำนาจกันเนืองๆ ประชาชนได้รับภัยพิบัติ

จากสงครามและผลกระทบอื่นๆ เช่น ปัญหา

เศรษฐกิจและสังคม ที่โดเด่นและมีอิทธิพลต่อการ

ดำรงชีวิตของชาวจีน ได้แก่ ลัทธิธรรมชาตินิยม


 ขงจื๊อ เต๋า และนิติธรรมนิยมหรือลัทธิฝ่าเจีย

ความคิดเห็น